:: 泰国佛牌买卖-Budddhism amulet-Thai Buddha Amulets     โดย พร  บางระจัน  

TRAVEL TOOLS

 

id7500003000070


 


 

พระปิดตา หลวงปู่ทิม เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517 พระปิดตา หลวงปู่ทิม เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517 พระปิดตา หลวงปู่ทิม เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517

 

比打佛護身符,Chintakua材料,1974年 amulet Thailand  

Name of the image of Buddha: RIAN LUANG POO TIM
Supporter of casting: Luang Poo Tim
Location of Casting or Finding: Wat Lahanrai Rai Rayong 
Year of Casting: (B.E. 2517)
Praise of the image of Buddha: merciful Trading prosperity

Product: 000312

Price:99,999.00 Baht

比打佛護身符,Chintakua材料,1974年
產品代碼:000312
價格:99,999.00 泰銖
型號:和尚閉眼Chin Takua 牛肉, 1974
品牌:帕比打Chin Takua 牛肉, 1974

細節:
比打佛護身符,Chintakua材料,1974年
Luang Pu Tim, 羅勇府 Lahan Rai 寺
在佛像的前面,有一個銘文,上面寫著“U”。
佛像背後是揚持佛陀。
在鐘形填料的底部,有一個標有數字 775 的代碼。

製作護身符的歷史
1974年底,萬萊寺一場大洪水洪水持續了好幾天。被洪水淹沒的門徒
寺廟內有2-3個龍普添,他們因為無處可去而感到孤獨。因此去收集鉛
存在於寺廟中,被融化,然後按照龍普的命令擴散到字母表中你有沒有開光2個晚上,然後再次鍛造。然後倒入模具其中取了比打護身符,普通小印粉,壓入其中
泥土中,一個修士閉上了眼睛。大約有100個鍍金的護身符。其餘的沒有鍍金。當水退去鍍金的部分很快就租出去了。
拉罕賴的歷史
Wat Lahan Rai 由 Luang Por Sangtao 於 1811 年左右創立。時任拉罕艾寺副方丈我看到在Wat Lahan Yai 以北的運河對面的區域有一個適合種植蔬菜的好位置。因此,清理了樹林並將其用作種植蔬菜的區域起初,在進入預選賽的時候,就搭建了一個遮蔭棚。並記得在 Wat Lahan Yai 的佛教大齋節後來,人們到附近地區種地。還有更多看到有一個和尚當談到定期提供食物時後來,住的僧人越來越多。因此建了一座寺廟僧侶也來那裡度過佛教大齋期。名為“Wat Rai Waree”後更名為“Wat Lahan Rai”與Luang Por Sangtao為第一任住持
後來,在拉罕萊寺,有一位老僧人 Luang Pho Sang Tao Chue。自治就個人而言,他回歸成為 Wat Lahan Yai 的住持。 (知道被羅勇府長邀請後擔任Wat Keng方丈羅勇省)分配給 Luang Phor Daeng代替住持統治拉罕萊寺的還有許多其他方丈,即 Luang Por Kerd、Luang Pho Sing 和 Luang Por Juam。 Lahan Rai Temple 3個月沒有和尚了。當時Luang Pho Tim Isrico(Ngam Sri)已經從春武里回來了。 Ban Lahan Rai 的佛教徒團結一致,邀請他們成為住持。一年左右1907 年,Tim 神父用木頭建造了一座小教堂。目前已從原址搬遷約20瓦,恢復原狀。

歷史數據
出生於 1879 年 6 月 16 日星期五,對應兔的第 7 個月,是 Jaeng 先生,In Ngamsri 夫人的兒子
1906 年 6 月 7 日受戒,對應晚上的第 7 夜母親年的第 6 個月,在 Wat Lahan Rai
1975 年 10 月 16 日去世
總年齡 96 歲 69 歲

Luang Pu Tim 出生於羅勇省班凱區拉漢街道 2 村班華通達布村,原名蒂姆,姓 Ngamsri,出生於兔年七月五日1879 年 6 月 16 日,Jae 先生的兒子 In Ngamsri 夫人有 3 個兄弟姐妹,Luang Pu Tim 是第二個。

我小的時候他熱衷於打獵,帶著他養家糊口,17歲那年,父親帶著他,把他留給辛格神父留在廟裡跟他學習。和其他老師大約 1 年,直到他們有能力學習,直到他們理解我可以很好地閱讀和寫作。龍普添的父親於是去祭拜辛神父像以前一樣請假帶 Luang Pu Tim 回家

龍普添根據孩子的善良天性幫助父母工作,養家糊口,他一直很感激父母。直到19歲,他才被徵召入伍。那些日子,他是駐守的。在曼谷住了四年,出院了。


 

รหัสสินค้า: 000312
ราคา: 99,999.00 บาท
รุ่น: พระปิดตา เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517
ยี่ห้อ: พระปิดตา เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517
 
รายละเอียด:

พระปิดตา เนื้อชินตะกั่ว พ.ศ. 2517

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง 

หน้าองค์พระบริเวรสะดือ มีอักขระ อ่านว่า อุ 

หลังองค์พระ เป็นยันต์พุทธเฑาะ

ใต้ฐานอุดกริ่ง มีโค๊ต กำกับ เลข 775 

 

ประวัติการสร้า้งพระปิดตาเนื้อตะกั่วหล่อ

เมื่อปลายปี 2517วัดบ้านไร่ เกิดน้ำท่วมใหญ่ นำ้ท่วมอยู่หลายวัน บรรดาลุกศิษย์ซึ่งติดน้ำท่วม

อยู่ภายในวัดกับหลวงปู่ทิม 2-3 คน เกิดเหงา เพราะไปไหนมาไหนไม่ได้ จึงไปรวบรวมเอาตะกั่ว

ที่มีอยู่ในวัดมาหลอมแล้วแผ่ลงอักษรเลขยันต์ตามที่หลวงปู่สั่งแล้ว ให้ท่านปลุกเสกอยู่ 2 คืน แล้วจึงหลอมอีกครั้ง แล้วเทลงในแม่พิมพ์ ซึ้งเอาพิมพ์พระปิดตาเนื้อผงพิพ์ธรรมดาและพิมพ์เล็กมากดลงไป

ในดินเหนียวเป็นองคืพระปิดตาขึ้นมา มีประมาณ100องค์ที่ปิดทอง ส่วนที่เหลือก็ไม่ปิดทอง เมื่อน้ำลดแล้ว ส่วนที่ปิดทองได้มีผู้มาขอเช่าไปจนเกือบหมดในอันไม่นาน

ประวัติละหารไร่

วัดละหารไร่นี้ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2354 โดยหลวงพ่อสังข์เฒ่า รองเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่สมัยนั้น เห็นว่าพื้นที่ทางฝั่งคลองด้านตรงข้ามทางทิศเหนือของวัดละหารใหญ่มีทำเลดีเหมาะแก่การปลูกพืชผัก จึงได้หักล้างถางพงใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก ขึ้นแรกได้สร้างที่พักร่มเงาไว้เมื่อถึงเวลาเข้าพรรณา ก็จำพรรษาที่วัดละหารใหญ่ ต่อมามีผู้คนไปทำไร่ในแถบใกล้ๆ ที่นั้นมากขึ้น เห็นว่ามีพระสงฆ์อยู่ เมื่อถึงวันพระก็จัดภัตตาหารไปถวายเป็นประจำ ต่อมาได้มีพระภิกษุไปอยู่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ก่อสร้างกุฏิวิหาร พระสงฆ์ก็มาจำพรรษาที่นั่น ตั้งชื่อว่า "วัดไร่วารี" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดละหารไร่" โดยมีหลวงพ่อสังข์เฒ่าเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก

         ในภายหลังทางวัดละหารไร่ได้มีพระภิกษุแก่อวุโสขึ้นหลวงพ่อสังข์เฒ่าจึ มอบให้ปกครองกันเอง ส่วนตัวท่านได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ (ทราบว่าภายหลังได้รับการนิมนต์จากเจ้าเมืองระยองไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเก๋ง จังหวัดระยอง) มอบหมายให้หลวงพ่อแดง เป็นเจ้าอาวาสแทน เต่มาได้มีเจ้าอาวาสอีกหลายรูปปกครองวัดละหารไร่ คือ หลวงพ่อเกิด หลวงพ่อสิงห์ หลวงพ่อจ๋วม ต่อมาหลวงพ่อจ๋วมได้ลาสิกขาบท ทำให้วัดละหารไร่ขาดพระภิกษุจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน ในขณะนั้นหลวงพ่อทิม อิสริโก (งามศรี) ได้เดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี พุทธศาสนิกชนบ้านละหารไร่จึงพร้อมใจกันนิมนต์เป็นเจ้าอาวาส เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2450 หลวงพ่อทิมจึงได้สร้างอุโบสถขึ้นหลังหนึ่งทำด้วยไม้ ปัจจุบันได้เลื่อนย้ายมาห่างจากที่เดิมประมาณ 20 วา และบูรณะให้อยูในสภาพเดิม

 

ข้อมูลประวัติ

เกิด                         วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422  ตรงกับเดือน 7 ปีเถาะ  เป็นบุตรของ นายแจ้ง  นางอินทร์  งามศรี

อุปสมบท               วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449  ตรงกับขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ณ วัดละหารไร่

มรณภาพ               วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518

รวมสิริอายุ            96 ปี 69 พรรษา             

 

หลวงปู่ทิม เกิดที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2 ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง นามเดิมของท่านชื่อ ทิม นามสกุล งามศรี เกิดเมื่อปีเถาะ วันศุกร์ เดือน 7 ตรงกับวันที่ 16 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2422 เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ งามศรี มีพี่น้อง 3 คน หลวงปู่ทิมเป็นคนที่ 2

เมื่อตอนเด็กๆ ท่านชอบออกเที่ยวล่าสัตว์ด้วยความคึกคะนองโดยนำมาเลี้ยงครอบครัวเรื่อยๆไป พออายุได้ 17 ปี บิดาของท่านได้นำตัวท่านไปฝากไว้กับท่านพ่อสิงห์ที่วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือกับท่าน และอาจารย์อื่นๆ เป็นเวลาประมาณ 1 ปี จนมีความสามารถเรียนรู้จนเข้าใจ อ่านออกเขียนได้ดีแล้ว บิดาของหลวงปู่ทิม จึงได้ไปกราบนมัสการท่านพ่อสิงห์ เพื่อขอลานำหลวงปู่ทิมกลับมาอยู่บ้านเช่นเดิม

หลวงปู่ทิมก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานและหาเลี้ยงพ่อแม่ตามวิสัยลูกที่ดีมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ด้วยดีตลอด จนกระทั่งอายุเข้า 19 ปี ท่านจึงถูกคัดเลือกเข้าเป็นทหารประจำการ ในสมัยนั้นได้เข้ามาประจำการ อยู่ในกรุงเทพฯถึง 4 ปีเศษ จึงได้รับการปลดประจำการ จากทหารกลับไปอยู่ที่บ้านเดิม เมื่อกลับมาอยู่บ้านแล้ว บิดาของท่าน จึงได้จัดการอุปสมบทให้ท่านเป็นพระภิกษุทันที

หลวงปู่ทิม อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2449 ซึ่งตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ โดยมีพระครูขาว วัดทับ มาเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดละหารไร่ ได้ฉายาทางสงฆ์ว่า อิสริโก

หลังจากท่านได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็ได้อยู่กับพระอาจารย์ที่วัดจนครบ 1 พรรษา แล้วท่านก็ได้ขออนุญาตพระอาจารย์ของท่าน กราบลาเพื่อออกธุดงด์ไปในหลายๆ จังหวัด เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มขึ้นเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ครั้นเมื่อถึงเทศกาลใกล้เข้าพรรษา ท่านก็กลับไปถึงจังหวัดชลบุรี และท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูม เป็นเวลาถึง 2 พรรษา 

ท่านได้เที่ยวร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์ชื่อดังต่างๆ หลายอาจารย์ด้วยกัน ที่เป็นพระก็มี ฆราวาสก็มี ที่ท่านเล่าให้ฟังมี โยมรอด โยมเริ่ม และ โยมสาย ทั้ง 3 คนเป็นฆราวาสที่มีวิชาอาคมสูงเป็นที่นับถือของชาวบ้านแถบนั้นมาก จนกระทั่งท่านได้รับตำราตกทอดมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า เจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนในสมัยนั้น

หลวงปู่สังข์เฒ่ารูปนี้มีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ ของท่าน และเป็นพระปรมาจารย์ผู้เรืองอาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้น พร้อมกับเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้น ขนาดน้ำลายของท่านทีถ่มออกมาโดนพื้นตรงไหนแล้วพื้นจะแตกทันที เมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าทางวิชาอาคมของท่าน จึงได้นิมนต์ให้ท่านมาอยู่ทีวัดเก๋งจีนและได้สร้างพระเนื้อตะกั่ว วัดเก๋งจีน ขึ้นมาหลายพิมพ์ด้วยกัน ซึ่งก็มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง

หลวงปู่สังข์เฒ่า ท่านได้ทิ้งตำรับตำราที่ท่านได้เขียนขึ้นไว้ในสมัยของท่านให้กับวัดละหารไร่ และก็ได้ตกทอดมาเป็นของหลวงปู่ทิมซึงเป็นหลานของท่าน ใช้ศึกษาหาความรู้จากตำราของหลวงปู่สังข์เฒ่านี้

นอกจากนี้ หลวงปู่ทิม ยังได้เรียนทางวิปัสสนากัมมัฎฐานกับพระอาจารย์อื่นๆ อีกหลายรูปด้วยกันซึ่งต่อมาเมื่อท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดละหารไร่ ท่านก็เริ่มพัฒนาวัดโดยการก่อสร้างเสนาสนะบูรณะซ่อมแซมกุฏิ และอื่นๆ อีกมากมาย ญาติโยมทั้งหลายก็เริ่มมีความเลื่อมใสในตัวท่านมาก เพราะท่านเป็นพระทีสมณะสำรวมเคร่งในธรรมะและวินัยเป็นที่น่าเคารพมาก

ต่อมาท่านจึงได้ชักชวนพวกชาวบ้านและญาติโยมทั้งหลายให้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น 1 หลัง ในเวลาปีเศษๆ ก็เสร็จ พร้อมกับผูกพัทธสีมาจนเป็นที่เรียบร้อยในเวลาเดียวกันหลังจากสร้างพระอุโบสถเสร็จ และต่อมาท่านจึงได้ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลขึ้นอีก 1 หลัง โดยที่ทางอำเภอและจังหวัดร่วมด้วย ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือนเท่านั้นก็แล้วเสร็จเรียบร้อย เปิดให้นักเรียนเข้าเรียนได้ทันที

หลังจากนั้นท่านก็ได้ชักชวนชาวบ้านให้ช่วยกันพัฒนาก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง และก็ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ โดยมีหลวงปู่เป็นผู้นำพร้อมกับชาวบ้านจึงทำให้ชาวบ้านและญาติโยมทั้งหลายมีความเคารพนับถือเลื่อมใสในตัวท่านมากยิ่งขึ้น จึงจัดได้ว่าหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระนักพัฒนา ที่มีความสามารถเป็นอย่างสูง สมควรที่จะได้รับการเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2478 หลวงปู่ทิม จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน โดยได้รับการส่งหมายและตราตั้งมาไว้ที่ทางเจ้าคณะจังหวัด แต่หลวงปู่ก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมบอกใครๆ ด้วยอญู่เป็นเวลานาน ทางจังหวัดจึงได้มอบให้ทางคณะอำเภอเอามามอบให้ท่านที่วัดละหารไร่เอง ท่านจึงได้รับเป็น พระครูทิม อิสริโก และได้รับเป็นพระคู่สวด

อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. 2497 ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งพระครูทิม อิริโก เลื่อนขั้นให้เป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ไม่ยอมบอก ไม่อยากได้ ไม่ยินดียินร้ายกับใครอยู่เป็นเวลานาน ญาติโยมที่วัดไม่มีใครทราบเรื่อง จนทางเจ้าคณะอำเภอได้มีหนังสือส่งไปที่วัดจึงได้รับทราบกัน นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรวัด จึงได้นำข่าวไปบอกแก่ชาวบ้านและกรรมการวัดละหารไร่ให้ทราบ พร้อมกับจัดขบวนแห่มารับที่วัดเจ้าคณะจังหวัดโดยได้อาราธนานิมนต์หลวงปู่ทิม มารับสัญญาบัตรพัดยศเป็น "พระครูภาวนาภิรัต" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507

เมื่อหลวงปู่ทิม ได้เลื่อนขั้นเป็น พระครูภาวนาภิรัตแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านก็นัดประชุมกันเพื่อจะจัดงานฉลองสมณศักดิ์ โดยนายสาย แก้วสว่าง เป็นผู้ขออนุญาตต่อหลวงปู่ว่า "หลวงปู่จงอนุญาตพวกเราเถิด อย่าปิดความประสงค์ของพวกญาติโยมเลย ได้โปรดให้พวกญาติโยมได้แสดงความยินดี และแสดงความกตัญญูกตเวทีตอบสนองซึ่งคุณงามความดีของหลวงปู่ด้วยเถิด" หลวงปู่ทิมท่านขัดไม่ได้จึงอนุญาต

นายสาย แก้วสว่าง ในฐานะไวยาวัจกรและศิษย์ใกล้ชิดจึงได้นัดประชุมกรรมการและชาวบ้าน ปรึกษากันว่าจะจัดฉลองสมณศักดิ์และเพื่อหารายได้สบทบทุนในการก่อสร้างกุฏิ และบูรณะซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดในครั้งนี้ โดยจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมเพื่อจัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่าน เอาไว้แจกแก่พวกญาติโยมและศิษย์ทั้งหลาย เพื่อเป็นที่ระลึกในการร่วมกันทำบุญในงานวันฉลองสมณศักดิ์ของท่าน เพราะใครๆ ก็ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระที่น่าเคารพบูชาอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมพระวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นพระมักน้อยสมถะ ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันมื้อเดียว ไม่เคยฉันเพลเลย แม้แต่น้ำชา หรือน้ำเปล่า ท่านก็ต้องฉันตามเวลา

เท่าที่สังเกตดูปรากฎว่า ท่านจะฉันเช้าประมาณ 7 โมงเช้า และฉันน้ำชาเวลา 4 โมงเย็น ถ้าเลยเวลาแล้วหลวงปู่จะไม่ยอมฉันเป็นเด็ดขาด แม้แต่น้ำชา ท่านฉันมื้อเดียวมาตลอด 50 ปีแล้ว โดยที่ไม่มีอาหารพวกเนื้อหมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิดเลย แม้แต่น้ำปลาก็ไม่เคยฉัน

อาหารที่ท่านฉันก็เป็นพวกผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่น เป็นประจำอยู่เป็นนิจตลอดมา เนื้อหนังมังสาและผิวพรรณของท่านก็คงเป็นปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านก็แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะอำนาจบารมีของท่านที่เคยได้สร้างสมมาในชาติปางก่อน จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในธรรมวินัย ดำรงชีวิตมาได้อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์

หลวงปู่ทิม มีอายุได้ 96 ปี 72 พรรษา ยังแข็งแรงสมบูรณ์ เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ยังมองอะไรได้ชัดเจนดี ฟันก็ไม่เคยหักแม้แต่ซี่เดียว ถึงแม้ว่าอายุของท่านเกือบจะ 100 ปีแล้วก็ตาม

หลวงปู่ทิม ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2518 นับได้ว่าท่านเป็นพระอาวุโสและมีพรรษามากกว่าพระเกจิอาจารย์รูปใดๆ ทั้งหมดในจังหวัดระยองเลยทีเดียว 

 

วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม

                วัตถุมงคลท่านได้สร้างไว้หลายรุ่น และหลายพิมพ์  แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ พระขุนแผนผงพรายกุมาร  มีทั้งพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก  พระชุดชินบัญชร  ทั้งพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์  พระสงกัจจายน์  พระปิดตา  เหรียญเจริญพร  รวมไปถึงวัตถุมงคลรุ่น 8 รอบ มีอีกหลายพิมพ์ เป็นต้น

 

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

 

 

 


 
THAILAND AMULET CENTER |CHIANGMAI OFFICE
211/45 the City Villa, Soi Ladprao 126
Ladprao Rd, Kwang Prapla,Wang Thong Lang district
Bangkok 10310 Mobile :66-093-3361995     e-mail:amuletcenter@hotmail.com
พระเครื่องเมืองสยาม| โดย พร บางระจัน:
236/2 หมู่ 5 ,ถนน เชียงใหม่ ลำพูน ,ตำบลยางเนิ้ง,อำเภิสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140
Tel: 66-053-963029,66-093-3361995  Fax : 66-53-963029
Mobile : 66-093-3361995   e-mail:amuletcenter@hotmail.com
Copyright © 2006 Thailand Amulet Center. Website Terms of Use   |   Privacy Statement Find us on Youtube Facebook