price: 4,000,000.00 baht
world wide shipping door to door
首個型號,1930年
春武里府色桃邑神父彝族神父
Phra Khru Worawet Muni或Luang Pho Yi
Buddhasaro,春武里府色桃邑寺的住持,印度支那戰爭和第二次世界大戰中的著名和尚,以及Luang
Pho Chad,Bang Kraba寺,Luang Pho Kong,Bang
Kapom寺和Luang Por 。以“ Jad Chong Kong
Yi”為名的外窗,是您創造並分發給士兵的神聖物品,所有帶有佛教恩典的物品似乎都被敵人敬畏他還是一位致力於提高佛教和發展社區的忠實和尚。崇尚“東方之神”等人民的信仰
Luang Pho
Yi創造了許多護身符,包括常任秘書,Takrud,Shirt,Talisman,獎牌,蒙眼佛陀護身符,“
Phra Sam”和“ Phra Si”(婆羅門Si),所有這些都為他創造了值得注意的經驗。常任秘書長父親只有八歲,但是晉升到最高職位的人卻不得不屈服。門徒已要求瑯勃福(Luang
Pho)批准製作“形狀像1930年的第一個模型年份的硬幣”為了紀念在Ubosot中將“佛像”作為主要佛像鑄造的忠實捐助因素
創作者
彝族神父(原名彝族)是春武里府本地人。生於1862年10月1日,在Ban
Tambon Sattahip。他是一個超過年齡的聰明孩子,並且愛不停地幫助他人。在Ang
Sila Nok Temple任命聖訓年齡的時候現在已經坍塌成為Ang Sila寺,一個由Phra
Ajarn Chan Chantaso,Samet
Temple作為主持人,Phra Ajarn
Tim的寺廟作為大師的演講作為一個年輕的和尚獲得暱稱“ Puttasaro”,學習各種科學與受體和
他熱衷於修行。在佛教四旬期結束後,他將沿著林瑙披萊森林徒步旅行隔離冥想練習當遇到Phuttakom的Maet時他將委託自己成為諸如Luang
Pho Pan,Bang Ha Temple等各種學術研究的學生,並且Luang
Por可以快速而熟練地學習所有科學。認為他是當時在內觀禪修和高級禪修方面具有專長的和尚之一。而無論你在哪裡徒步旅行經常憐憫幫助有需要的人準備傳播該學說直到聲名遠播
Shǒu gè xínghào,1930 nián
เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปี 2473 หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี
รหัสสินค้า: 00022
ราคา: 4,000,000.00 บาทรายละเอียด:
พระครูวรเวทมุนี หรือ หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดสัตหีบ จ.ชลบุรี พระเกจิผู้โด่งดังในยุคสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อม หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม และ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ในนาม ‘จาด จง คง อี๋’ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างแจกจ่ายแก่เหล่าทหารหาญล้วนทรงพุทธคุณปรากฏเป็นที่ยำเกรงของศัตรู ท่านยังเป็นพระเกจิผู้อุทิศตนเสริมสร้างพระพุทธศาสนาและพัฒนาชุมชน เป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชน เปรียบเสมือน ‘เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก’
หลวงพ่ออี๋ ได้สร้างพระเครื่องรางต่างๆ ไว้มากมาย ทั้ง ปลัดขิก ตะกรุด เสื้อยันต์ เหรียญพระปิดตา "พระสาม" และ "พระสี่" (พรหมสี่หน้า) ซึ่งล้วนสร้างประสบการณ์เป็นที่ปรากฏเลื่องลือ สำหรับ ปลัดขิก นั้น เรียกว่ามีชื่อเสียงพอๆ กับ หลวงพ่อเหลือ แปดริ้ว ทีเดียว แต่ที่ขึ้นอันดับยอดนิยมต้องยกให้ “เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปี 2473” ซึ่งคณะศิษย์ได้ขออนุญาตหลวงพ่อจัดสร้าง เพื่อแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยร่วมหล่อ ‘พระพุทธรูป’ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
ผู้สร้าง
หลวงพ่ออี๋ นามเดิมว่า อี๋ เป็นชาวจังหวัดชลบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี พ.ศ.2405 ที่บ้านตำบลสัตหีบ ท่านเป็นเด็กเฉลียวฉลาดเกินวัยและชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นนิจ เมื่ออายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดอ่างศิลานอก ซึ่งบัดนี้ได้ยุบรวมเข้าเป็นวัดอ่างศิลาวัดเดียว โดยมี พระอาจารย์จั่น จันทโส วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "พุทธสโร" ศึกษาวิทยาการต่างๆ กับพระอุปัชฌาย์และ
ท่านมีความใฝ่ใจในการธุดงควัตร พอออกพรรษาท่านก็จะออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ปลีกวิเวกฝึกกรรมฐาน เมื่อพบเจอพระเกจิผู้ทรงพุทธาคม ก็จะเข้าฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาการต่างๆ อย่างเช่น หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย เป็นต้น และหลวงพ่อก็สามารถเรียนรู้ในทุกวิทยาการได้อย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญ นับว่าท่านเป็นพระเกจิรูปหนึ่งที่มีความชำนาญในด้านวิปัสสนากรรมฐานและญาณสมาบัติสูงส่งในสมัยนั้น และไม่ว่าท่านจะธุดงค์ไปที่ใด ก็มักเมตตาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก พร้อมเผยแผ่หลักธรรมคำสอน จนชื่อเสียงระบือไกล
วัดหลวงพ่ออี๋ (Wat Luang Pho Ei) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากว่าร้อยปีในจังหวัดชลบุรี โดยมีหลวงพ่ออี๋เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากของภาคตะวันออกในเรื่องของการวิปัสสนากรรมฐานและการปลุกเสกเครื่องรางของขลังที่เป็นที่ต้องการของผู้ทำมาค้าขาย และยังมีเรื่องเล่าถึงอิทธิปาฏิหาริย์ของท่านในการขจัดปัดเป่าภัยพิบัติในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2ให้แก่กองทัพเรือสัตหีบและประชาชนชาวสัตหีบทำให้ท่านเป็นที่เคารพบูชาจนอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติ
วัดหลวงพ่ออี๋ (Wat Luang Pho Ei) หรือวัดสัตหีบ ตั้งอยู่บนถนนชายทะเล ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ 28 ตารางวา ด้านหลังวัดติดกับทะเล ชื่อของวัดมาจากชื่อเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดคือ พระครูวรเวทมุนี (อี๋ พุทธสโร) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2442 โดยนายขำและนางเอียงบิดามารดาของหลวงพ่ออี๋ได้ขอพระราชทานที่ดินว่างเปล่าที่เป็นป่าไม้เพื่อสร้างวัดและพระองค์ได้ทรงอนุญาต โดยมีหลวงพ่ออี๋เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกปกครองวัดสัตหีบมาจนกระทั่งละสังขารในปี พ.ศ. 2489 รวมระยะเวลา 47 พรรษา ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ดังแห่งภาคตะวันออกที่มีความเชี่ยวชาญการวิปัสสนากรรมฐาน ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน มีความรู้ในการใช้ยาแผนโบราณ และท่านยังได้ปลุกเสกของขลังขึ้นหลายอย่าง ได้แก่ ผ้ายันต์ ผ้าพันหมวกทหารเรือ และปลัดขิกซึ่งผู้ทำการค้าเชื่อกันว่าทำให้ค้าขายดีมีกำไร และมีเรื่องเล่าของหลวงพ่อที่ทำให้กิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือ นั่นคือในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ ท่านได้ออกไปยืนโบกผ้าอาบน้ำฝนไปมากลางแจ้งปัดเอาลูกระเบิดไปลงทะเลได้หมด จึงเป็นที่เคารพของเหล่าทหารเรือและประชาชนชาวสัตหีบตลอดมา ด้านข้างวิหารยังมีนพระเจดีย์ 100 ปีซึ่งภายในมีพิพิธภัณฑ์หลวงพ่ออี๋ที่จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของหลวงพ่อ เครื่องบดยาและรอยพระพุทธบาทให้ได้ชมอีกด้วย